โดยทั่วไปในการปลูกพืชเกษตรกรมักให้ความสำคัญเรื่องของปุ๋ยธาตุหลัก อย่างไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม (N-P-K ) ซึ่งมักมีการใส่อย่างต่อเนื่องตามระยะการเจริญเติบโตของพืช แต่สำหรับธาตุอาหารรองและธาตุอาหารเสริมจะเริ่มใช้เมื่อเห็นว่าพืชแสดงอาการขาดธาตุนั้นๆ
การขาดธาตุอาหารของพืชนั้น มีทั้งแบบรุนแรง คือจะแสดงอาการชัดเจน เช่น เห็นแผ่นใบเป็นสีเหลือง ใบมีขนาดเล็กกว่าปกติ ใบหงิกหรืองุ้ม ขอบใบแห้ง เป็นต้น อาการเหล่านี้ต้องมีการชดเชยธาตุอาหารพืชให้เร็วที่สุด นอกจากนี้หากพืชยังมีการขาดธาตุอาหารแบบไม่รุนแรง พืชจะไม่แสดงอาการให้เห็น แต่อาจส่งผลกระทบต่อผลผลิตได้ ซึ่งเรียกอาการนี้ว่า “อาการแฝง” (Hidden Hunger) ซึ่งการใส่ปุ๋ยหรือธาตุอาหารต่างๆ ให้กับพืชเพียงชนิดเดียว หรือเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่สามารถทำให้พืชเจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ โดยธาตุอาหารพืชชนิดที่มีอยู่น้อยที่สุด จะเป็นตัวกำหนดการเจริญเติบโตและผลผลิตของพืช กล่าวคือ ธาตุอาหารพืชตัวใดที่มีไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต ธาตุตัวนั้นจะมีผลทำให้การเจริญเติบโตหรือผลผลิตลดลง แม้ว่าพืชจะได้รับธาตุอาหารอื่นเพียงพอแล้วก็ตาม
บริษัท โซตัสฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญและประโยชน์ของการใช้ธาตุอาหารรอง-เสริม ร่วมกับปุ๋ยธาตุอาหารหลัก จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์และแก้ปัญหาอาการขาดธาตุอาหารในช่วงการเจริญเติบโตของแต่ละพืช
ยูทิไลซ์ เป็นธาตุอาหารพืชทางใบประกอบด้วยธาตุอาหารรอง – ธาตุอาหารเสริม 6 ชนิดในสัดส่วนที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืช อยู่ในรูปผงที่มีอนุภาคเล็กละเอียด มีคุณสมบัติเกาะติดใบพืชได้ดี ทนต่อการชะล้างของฝน และค่อยๆ ปลดปล่อยธาตุอาหารพืชได้นาน
จากงานวิจัย ยูทิไลซ์ เพื่อเพิ่มผลผลิตของพริกและมะเขือเทศ ในแปลงปลูกของเกษตรกร อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี พบว่า ต้นมะเขือเทศที่พ่น ยูทิไลซ์ อัตรา 3 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ให้ผลผลิต 4.53 กิโลกรัมต่อต้น เปรียบเทียบกับต้นมะเขือเทศที่ไม่พ่นยูทิไลซ์ ได้ผลผลิตเพียง 3.87 กิโลกรัมต่อต้น และการทดลองในพริกได้ผลการทดลองเช่นเดียวกัน โดยต้นพริกที่พ่นยูทิไลซ์ อัตรา 3 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ให้ผลผลิต 637 กรัม ซึ่งมากกว่าต้นพริกที่ไม่พ่นยูทิไลซ์ ได้ผลผลิตเพียง 499 กรัม
สนใจข้อมูล/ความรู้ ด้านการเกษตรสามารถเข้าไปดูได้ที่
|
goo.gl/oezFiy หรือ พิมพ์ @sotus |
|
www.facebook.com/sotus.int/ |
|
https://www.youtube.com/channel/UCr0T_masJxA8_h5Y9xM5vdw |