สารกำจัดศัตรูพืช (pesticide) เป็นสารที่ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ในการกำจัดแมลง วัชพืช จุลินทรีย์สาเหตุโรคพืช และสัตว์ศัตรูพืชต่างๆ เช่น หนู และหอย เป็นต้น สารเหล่านี้ถูกนำมาใช้ทั้งในทางการเกษตร สาธารณสุข ป่าไม้ การเก็บรักษาผลผลิตหลังเก็บเกี่ยว อุตสาหกรรมอาหาร และอื่นๆ อีกมากมาย
นับตั้งแต่มนุษย์เริ่มทำการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์แทนการหาพืชผักผลไม้และล่าสัตว์จากธรรมชาติ พืชและสัตว์เหล่านั้นก็ต้องได้รับการดูแลและปกป้องจากการทำลายโดยศัตรูต่างๆ เพื่อให้มนุษย์สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ตามที่ต้องการ ในสมัยโบราณชาวโรมันใช้ขี้เถ้า ใบสนบดละเอียด และน้ำปัสสาวะในการป้องกันความเสียหายจากศัตรูพืช และต่อมาก็เริ่มมีพัฒนาการวิธีการแก้ปัญหาศัตรูพืชให้มีความสลับซับซ้อนมากขึ้นไปตามกาลเวลาและการสั่งสมองค์ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งวิธีการที่ไม่เกี่ยวข้องกับสารเคมีและวิธีการใช้สารเคมี สารเคมียุคแรก (1G) เป็นสารอนินทรีย์จากธรรมชาติเช่น กำมะถัน แต่ต่อมาในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากมีการค้นพบและนำ DDT มาใช้ในการกำจัดแมลงจึงเป็นยุคของสารอินทรีย์สังเคราะห์ (2G) ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน เมื่อความก้าวหน้าทางวิชาการมีมากขึ้นจึงเริ่มมีการสังเคราะห์สารกำจัดศัตรูพืชที่มีโครงสร้างเลียนแบบสารที่มีอยู่ภายในตัวของศัตรูพืชเองและมีผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของศัตรูพืช (3G) เช่น สารที่มีผลต่อการลอกคราบของแมลง (insect growth regulator, IGR) เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันจะพบว่าสารกำจัดศัตรูพืชหลายชนิดเป็นสารที่ผลิตขึ้นจากสิ่งมีชีวิตอื่น (4G) เช่น สารสกัดจากพืช จุลินทรีย์ รวมถึงชีวภัณฑ์ต่างๆ
แม้ว่าสารกำจัดศัตรูพืชจะมีประโยชน์ต่อการเกษตรมากมายกล่าวคือ ช่วยปกป้องความเสียหายของผลผลิตจากแมลง วัชพืช โรคพืช และสัตว์ศัตรูพืชอื่นๆ ขณะอยู่ในแปลงปลูก ช่วยป้องกันความเสียหายของผลผลิตจากการทำลายและการปนเปื้อนจากหนูและแมลงศัตรูในโรงเก็บขณะอยู่ระหว่างการขนส่งและในโรงเก็บ ช่วยปกป้องผลผลิตจากการปนเปื้อนโดยเชื้อราซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์และสัตว์ นอกจากนั้นสารกำจัดศัตรูพืชยังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกษตรกรมีรายได้และเวลามากขึ้นจากผลผลิตที่มากขึ้นและจากการใช้สารอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งช่วยกำจัดศัตรูพืชในสินค้าส่งออกและช่วยกำจัดหรือชะลอการแพร่กระจายของศัตรูพืชรุกรานต่างๆ แต่ในยุคดิจิตอลที่มีการสื่อสารแบบไร้พรมแดน ข้อมูลข่าวสารต่างๆ สามารถเข้าถึงบุคคลและหน่วยงานทุกระดับได้อย่างรวดเร็ว โดยอาจไม่สามารถยืนยันความถูกต้องหรือตรวจสอบแหล่งที่มาได้ ทำให้เกิดคำถามอยู่เนืองๆ ถึงอันตรายและความจำเป็นของการใช้สารกำจัดศัตรูพืช และเป็นปัญหาที่วงการธุรกิจเคมีเกษตรในประเทศไทยและทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้
ในเรื่องของอันตรายของสารกำจัดศัตรูพืชคงเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปแล้วว่า สารกำจัดศัตรูพืชที่มนุษย์ผลิตขึ้นควรเป็นสารที่มีพิษต่อศัตรูพืชชนิดหรือกลุ่มนั้นเท่านั้น แต่ไม่ควรเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตอื่นหรือสร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม แต่ในความเป็นจริงแล้วสารกำจัดศัตรูพืชก็ยังคงจัดเป็นสารพิษที่อาจมีค่าความเป็นพิษ (toxicity) แตกต่างกันไปในแต่ละชนิด บางชนิดมีพิษร้ายแรง (แถบสีแดง) บางชนิดมีพิษปานกลาง (แถบสีเหลือง) บางชนิดมีพิษต่ำ (แถบสีน้ำเงิน) ความเป็นพิษเหล่านี้เป็นสมบัติประจำตัวของสารกำจัดศัตรูพืชแต่ละชนิด แต่ไม่ได้บ่งบอกถึงอันตราย (hazard) ที่อาจเกิดจากสารกำจัดศัตรูพืชนั้นๆ พึงเข้าใจไว้ว่า Hazard = Toxicity + Exposure
สารที่มีพิษต่ำอาจเกิดอันตรายสูงได้หากขาดความระมัดระวังในการใช้ และทำให้ผู้ใช้หรือผู้เกี่ยวข้องได้รับสารพิษเข้าไปในร่างกาย (exposure) ในขณะที่สารที่มีพิษร้ายแรงอาจไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ ก็ได้หากผู้ใช้มีการป้องกัน และปฏิบัติงานตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดด้วยความระมัดระวัง
ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ความรู้แก่เกษตรกรและผู้เกี่ยวข้องถึงวิธีการและเทคนิคในการใช้สารกำจัดศัตรูพืชอย่างถูกต้อง เพื่อให้สามารถป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ทั้งต่อตัวเอง ผู้คนรอบข้าง ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อมอื่นได้เป็นอย่างดี
-
เลือกใช้สารกำจัดศัตรูพืชเป็นทางเลือกสุดท้าย โดยเกษตรกรควรพิจารณาวิธีการป้องกันกำจัดศัตรูพืชแบบอื่นเป็นอันดับแรกๆ และเลือกใช้วิธีการที่สามารถปฏิบัติได้จริง โดยอาจใช้วิธีการเดียวหรือหลายวิธีการร่วมกัน เพื่อช่วยลดประชากรศัตรูพืชให้อยู่ในระดับที่ไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป หากพิจารณาแล้ววิธีการอื่นไม่สามารถแก้ปัญหาได้ และจำเป็นต้องใช้สารกำจัดศัตรูพืช ก็ให้เลือกใช้สารที่มีพิษสูงต่อศัตรูพืชเป้าหมาย แต่ไม่มีพิษหรือมีพิษต่ำต่อสิ่งมีชีวิตอื่น โดยปฏิบัติตามหลักการใช้สารกำจัดศัตรูอย่างถูกต้องปลอดภัย (safe use)
-
ใช้สารกำจัดศัตรูพืชเฉพาะเมื่อจำเป็นเท่านั้น ซึ่งหมายถึงใช้สารกำจัดศัตรูพืชเมื่อประชากรของศัตรูพืชมีมากจนก่อให้เกิดความเสียหาย และมูลค่าความเสียหายมีมากและคุ้มกับการลงทุนใช้สารกำจัดศัตรูพืช ในเรื่องนี้จึงมีหลายประเด็นที่ต้องพิจารณาคือ จะต้องมีการสำรวจประชากรศัตรูพืชอย่างสม่ำเสมอจึงจะรู้ว่ามีจำนวนประชากรศัตรูพืชมากน้อยเพียงใด และต้องสามารถประเมินได้อย่างแม่นยำว่าระดับประชากรดังกล่าวมีผลกระทบต่อผลผลิตเพียงใด เป็นมูลค่าเท่าใด (ต้องสามารถประเมินราคาของผลผลิตล่วงหน้าได้) จึงจะนำมาเปรียบเทียบได้ว่าคุ้มค่าหรือไม่ แต่สิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือการพิจารณารายละเอียดของการลงทุนใช้สารกำจัดศัตรูพืช ซึ่งโดยทั่วไปผู้ใช้มักจะคิดเพียงแค่ค่าสารกำจัดศัตรูพืชและค่าจ้างแรงงานในการพ่นสาร เกษตรกรส่วนใหญ่จึงเลือกใช้สารที่มีราคาถูกและมีประสิทธิภาพปานกลางหรือต่ำ แทนการเลือกใช้สารที่มีประสิทธิภาพสูงแต่ราคาแพง โดยไม่ได้พิจารณารายละเอียดหรือต้นทุนด้านอื่นๆ เช่น ผลกระทบของสารที่เลือกใช้ต่อสิ่งมีชีวิตอื่น ผลต่อสภาพแวดล้อม ความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพของเกษตรกร แรงงาน และพิษตกค้างต่อผู้บริโภค ซึ่งถ้าสามารถประเมินรายละเอียดต่างๆ ดังกล่าวเป็นต้นทุนของการใช้สารกำจัดศัตรูพืช ก็จะทำให้สามารถระบุได้ว่าการใช้สารกำจัดศัตรูพืชในครั้งนั้นมีความคุ้มค่าหรือเหมาะสมเพียงใด